ทำไมผู้นำ ถึงต้องมีภาวะผู้นำ

จากการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารองค์กรในแต่ละองค์กร แต่ทำไมการบริหารจัดการงานในองค์กรยังคงมีเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพน้อยกว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ภายใต้ภาวะการแข่งขันในโลกโลกาภิวัตน์ บางองค์กรมีผู้นำที่ปรับตัวไม่ทัน จึงไม่มีโอกาสที่จะสร้างพัฒนาการใหม่ให้องค์กรเนื่องจากต้องสูญเสียเวลาไปกับการแก้ปัญหามากมายหลายด้าน จึงอาจจะเรียกได้ว่า เป็นองค์กรที่มีผู้นำไว้เพื่อแก้ปัญหาของวันนี้ ต้องแก้ปัญหาของเมื่อวานนี้ และเตรียมแก้ปัญหาของพรุ่งนี้ ผู้นำที่มีประสิทธิผลจึงจำเป็นต้องสร้างภาวะผู้นำให้กับตนเองให้มาก และนำไปใช้ให้พอดี หรือพอเหมาะพอควร ผู้นำบางคนอาจใช้ภาวะผู้นำมากเกินไป ผู้นำบางคนน่าจะใช้ภาวะผู้นำให้มากกว่านี้ แล้วอะไรคือความพอเหมาะพอสมที่ลงตัว ผู้นำ คือ ผู้ที่มีตำแหน่ง หรือผู้ที่ได้รับการกำหนดบทบาทให้เหนือกว่าผู้อื่น ภาวะผู้นำ คือ ผู้ที่มีอิทธิพลเหนือผู้อื่น ดังนั้น การสร้างภาวะผู้นำให้ตัวผู้นำเองนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง องค์กรใดมีผู้นำ ที่ใช้ภาวะผู้นำได้อย่างมีประสิทธิผล ก็จะทำให้องค์กรเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก ในทางกลับกัน หากองค์กรใดมีผู้นำที่ขาดภาวะผู้นำ จะทำให้การบริหารงานไม่สัมฤทธิ์ผลหรืออาจนำพาไปสู่ความเสื่อมถอย จนถึงความล่มสลายก็อาจเป็นได้ ซึ่งในประเด็นหลังนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยไม่ใช่น้อย ธุรกิจที่คนไทยเคยเป็นเจ้าของ กลับจะต้องหลงเหลือไว้เพียงแต่ความภาคภูมิใจในอดีตเท่านั้น เนื่องจากการที่ผู้นำมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ทำให้ไม่ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหาร จึงเป็นเหตุให้ธุรกิจประสบปัญหาขาดทุน แบกรับภาระไม่ไหวจนถึงขั้นต้องปิดกิจการในที่สุด บ้างธุรกิจก็ต้องสูยเสียความเป็นเจ้าของไปอยู่ในมือของทุนธุรกิจต่างชาติไปอย่างรวดเร็ว

กล่าวโดยสรุปว่า การสร้างภาวะผู้นำให้กับตัวผู้นำเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งการทำให้ตนเองมีภาวะผู้นำที่ประสิทธิผลนั้น มิได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน จำเป็นจะต้องเริ่มพัฒนาวิธีคิดของตนเอง สร้างเป้าหมายชัดเจนในการที่จะเป็น Great Leaders ให้ได้ และต้องฝึกฝนพัฒนาทักษะของผู้นำทุกด้านจนเกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมประจำตัว ซึ่งจะใช้เวลานานมากน้อยไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของแต่ละคน สังเกตุได้จากนักธุรกิจหลายคน ช่วงอายุ 30 ต้นๆ ทำธุรกิจด้วยความมั่นใจ บางครั้งมั่นใจมากจนธุรกิจย่ำแยง ใจร้อน ดุดัน ลูกน้องมือดีๆ หายหมด กว่าพัฒนาภาวะผู้นำในตัวเองให้เหมาะสมลงตัว ก็อายุเกือบ 50 บางคนก็ไม่เคยค้นพบศักยภาพในตัวเอง ไม่รู้จะแก้ไขปรับปรุงอย่างไร ก็กลายเป็นการทำงานร่วมอยู่กับการแก้ปัญหาทุกวัน เมื่อปัญหามากขึ้น ก็ยื่งทำให้ไม่มีเวลาในการพัฒนาตนเองเท่านั้น ซึ่งต้องอย่าลืมว่าชีวิตเราใช้เวลากับการทำงานประมาณ 1 ใน 3 ส่วน ของช่วงชีวิต หากการทำงานมีปัญหา ก็จะนำพาความตรึงเครียดเข้าไปในชีวิตส่วนอื่นๆได้ ดังนั้น ผู้นำจึงควรมี้เป้าหมายที่ชัดเจน ในการพัฒนาตนเองในด้านภาวะผู้นำ ไปสู่การเป็น ผู้นำที่มีประสิทธิผล (Effective Leaders) , ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ (Successful Leaders) ไปสู่ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ (Great Leaders) เพื่อให้การทำงานที่ได้ผลและทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขซึ่งน่าจะเป็นคำตอบสำหรับชีวิตนักบริหาร